ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์ ขึ้น โดยที่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงมานานในประเทศไทย แต่ไม่ได้มีแนวทางชัดเจนเท่าครั้งนี้
การดำเนินโยบายกาสิโนถูกกฎหมายในไทย ถือเป็นเรื่องใหม่ และเป็นสิ่งที่ท้าทายในการจัดทำแต่ในกลับกันสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่จะกลับกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทย ได้เหมือนกัน ทั้งการจ้างงาน และรายได้จากธุรกิจที่อยู่ในสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เช่น 1) ลาสเวกัส มีการจ้างแรงงานได้มากกว่า 100,000 คนต่อปี โดยมีการสร้างกาสิโนในพื้นที่ถึง 47 แห่ง โดยที่ 23 แห่งทำรายได้เกินปีละ 70 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี 2) มาเก๊า จากสถิติรายได้ในปี ค.ศ. 2005 ประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2013 เป็น 44 พันล้านเหรียญสหรัฐ 3) สิงคโปร์ ในปี ค.ศ. 2011 มีรายได้เป็น 2 ใน 3 ของลาสเวกัส (ข้อมูลจากการประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญ ครั้งที่ 4) ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่า มันคือการสร้างโอกาสในหลาย ๆ ด้านให้กับประเทศ
โอกาสที่เกิดขึ้นจากการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจัดเก็บภาษีได้อย่างมาก และสิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อมีการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ทรัพยากรต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ถูกใช้จากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ได้ สิ่งนี้อาจสร้างปัญหาได้ในอนาคตหากเราไม่มีวิธีการหรือแนวทางในการจัดการตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะเกิดภาระในอนาคตได้
สถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะได้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้พัฒนาประเทศไปข้างหน้าได้ แต่อีกสิ่งที่สำคัญมันก็ไม่ควรไปสร้างภาระให้กับคนในพื้นที่เช่นกัน ดังนั้น ทางพรรคของเราจึงอยากเสนอให้มีการแบ่งรายได้จากการเก็บภาษีของสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ไปพัฒนาพื้นที่ในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นการชดเชยทรัพยากรในชุมชนที่เสียไป